อาหารบำรุงครรภ์ไตรมาสแรก มีประโยชน์ต่อร่างกาย เสริมพัฒนาการทารก

หน้าแรก/การตั้งครรภ์/อาหารบำรุงครรภ์ไตรมาสแรก มีประโยชน์ต่อร่างกาย เสริมพัฒนาการทารก
อาหารบำรุงครรภ์ไตรมาสแรก มีประโยชน์ต่อร่างกาย เสริมพัฒนาการทารก

คุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก บางคนอาจจะแพ้ท้องมาก อาจทานอะไรไม่ได้เลย แต่อย่างไรก็ตามต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากที่สุด ส่วนการทานอาหารเสริมต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน เพราะอาหารเสริมบางตัวอาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้

สิ่งที่คุณแม่ควรทานในช่วง 1-4 สัปดาห์แรก

คือ พยายามทานอาหารที่มีโฟเลตสูง เช่น เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว เพื่อช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์ของตัวอ่อนมีความแข็ง และเพื่อพัฒนาการทางสมองและระบบประสาทของทารกด้วย รวมถึงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง อย่าง ธัญพืช ถั่วตระกูลต่าง ๆ ตับไข่แดง ผักใบเขียว และเนื้อสัตว์ที่ช่วยเพิ่มเฮโมลโกลบินในเม็ดเลือดแดงและช่วยนำออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์ต่างๆ

สำหรับในช่วง 5-8 สัปดาห์แรก

ควรทานอาหารที่มีโปรตีนสูง พวกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นม โยเกิร์ต เพื่อช่วยในการเสริมสร้างอวัยวะต่างๆของทารก และถึงแม้ส่าคุณแม่จะไม่อยากทานอาหาร แต่ก็ต้องทานนะ โดยการแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ ทานตลอดวัน แต่ถ้าแพ้ท้องมากก็ให้จิบน้ำขิงดูจะช่วยในเรื่องนี้ได้ หรือจะทานน้ำผลไม้แทนก็ได้ และที่สำคัญอย่าลืมทานโอเมก้า 3 ด้วย ซึ่งมีอยู่ในน้ำมันปลา ปลาทะเลและถั่วต่าง ๆ โดยโอเมก้า 3 จะทำให้ทารกฉลาด ระบบสายตาดี และป้องกันการเกิดโรคต่างๆได้ด้วย

การทานอาหารของคุณแม่ในช่วง 9 – 12 สัปดาห์แรก

อัตราการเผาผลาญพลังงานของคุณแม่ตั้งครรภ์จะสูงมาก ให้คุณทานวิตามินบี 3 พวกปลา ไก่ เห็ด ที่ช่วยเรื่องการเผาผลาญและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย

และควรทานวิตาในบี 6 เช่น ไข่ ส้ม ผักใบเขียวด้วย

เพราะจะช่วยลดอาการคลื่นไส้ลงได้ และควรทานอาหารแคลเซียมสูงด้วย และควรได้รับสารอาหารที่มีไอโอดีนอย่างพอเหมาะด้วย และที่สำคัญควรเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารรสจัดด้วย และอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายของคุณแข็งแรง เพื่อเตรียมรับการเข้าสู่ไตรมาสต่อไป

ทั้งหมดนี้ คือ อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาสแรกควรทาน เพื่อบำรุงครรภ์และทำให้ลูกน้อยของคุณมีพัฒนาการที่สมวัยมากยิ่งขึ้น และนอกจากการทานอาหารที่เหมาะสมแล้ว คุณยังต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย เพราะว่าการตั้งครรภ์ในช่วงนี้จะมีความเปราะบางมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องคอยระวังทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นอาจกระทบต่อการตั้งครรภ์ชองคุณได้ และที่สำคัญควรหมั่นสังเกตตัวเองด้วย ถ้ามีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาต่อไป