สอนภาษาอังกฤษลูกที่บ้านด้วยตัวเองก็ได้ ง่ายจัง

หน้าแรก/วิธีเลี้ยงลูก/สอนภาษาอังกฤษลูกที่บ้านด้วยตัวเองก็ได้ ง่ายจัง
สอนภาษาอังกฤษลูกที่บ้านด้วยตัวเองก็ได้ ง่ายจัง

สอนภาษาอังกฤษลูก บทความนี้ผู้เขียนจะมาพูดถึงปัญหาที่แม่ๆ กลัว นั่นก็คือ การฝึกภาษาอังกฤษให้ลูกตั้งแต่วัยหัดพูดจะทำให้ไม่เข้าใจภาษาไทยหรือพูดไทยไม่ได้หรือเปล่า

เด็กๆ โดยปกติแล้วจะเริ่มหัดพูดช่วงประมาณ 1 ขวบ แต่ทักษะทางภาษาของทารกจะเริ่มตั้งแต่ 3 เดือน โดยเด็กๆ จะฟังและจดจำ สะสมถ้อยคำเอาไว้ก่อน พอใกล้ๆ 1 ขวบจึงฝึกพูด คุณแม่ที่มีลูกในวัย 3 เดือน ถึงขวบครึ่ง นับเป็นโอกาสทองที่จะฝึกภาษาอังกฤษให้ลูก ส่วนตัวผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่หัดลูกพูดภาษาอังกฤษเองที่บ้านจึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังกัน

ตัวผู้เขียนเองไม่ได้พูดอังกฤษกับลูกมาตั้งแต่เกิด ในทางตรงกันข้าม ผู้เขียนพูดภาษาไทยเหมือนกับแม่ๆ ทั่วไป จนกระทั่งลูกของผู้เขียนมีอายุได้ 8 เดือน ผู้เขียนจึงเริ่มพูดอังกฤษ จำได้ว่าครั้งแรกที่พูดอังกฤษ ลูกหันมามองแบบงงๆ เหมือนจะบอกว่า ‘แม่พูดอะไร หนูฟังไม่รู้เรื่อง’

แต่เด็กเล็กปรับตัวเร็วมากค่ะ แค่ 15-20 นาทีก็ชินกับภาษาแปลกๆ ที่แม่พูด ผู้เขียนใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันกับลูกโดยตลอด โดยเน้นฝึกด้วยการเล่น เช่น เปิดสมุดภาพกการ์ตูนน่ารักๆ พูดชื่อสิ่งของและชี้ เช่น พูดว่า Monkey และชี้ไปที่ลิง ทำอย่างนี้ซ้ำๆ แล้วให้ลูกชี้ตามคำบอกบ้าง จำได้ว่าใช้เวลาไม่ถึงเดือน รูป 50 รูป ลูกชี้ไม่ผิดเลยสักรูปเดียว

พอโตขึ้นมาหน่อย ผู้เขียนก็ซื้อหนังสือนิทานภาษาอังกฤษมาให้ลูกอ่าน อ่านให้ฟังทุกวัน จากนั้นเริ่มเว้นคำให้เขาพูดต่อ เช่น พูดว่า “Tree little….” จากนั้นลูกก็จะพูดต่อว่า “Pigs” ทำบ่อยๆ กับหนังสือ นิทาน เพลง แล้วคุณจะตะลึงว่าเด็กเล็กมีความสามารถทางภาษาแบบเหลือเชื่อสุดๆ ไปเลย

ผู้เขียนสอนเรื่องพจน์ให้ลูกในวัยหัดพูดเลยค่ะ ไม่ค้องรอให้โต วิธีสอนก็คือหยิบสิ่งของมาวางให้เขาเห็นค่ะ เช่น หยิบปากกาด้ามหนึ่งมาวางตรงหน้าเขาแล้วบอกว่า “Pen” จากนั้นหยิบอีกด้ามมาวางคู่กันแล้วบอก “Pens” รวมไปถึงคำศัพท์ที่เปลี่ยนรูป เช่น เท้า ผู้เขียนจับเท้าลูกข้างหนึ่งแล้วบอกว่า “One foot” จากนั้นจับเท้าสองข้างแล้วบอกว่า “Two feet” ทำซ้ำหลายๆ รอบ บางวันผู้เขียนเอาเท้าตัวเองลงไปรวมด้วยเป็น “Tree feet” เรียกเสียงหัวเราะสนุกสนานได้อีก

เรื่องสี ผู้เขียนซื้อลูกบอลหลายๆ สีเหมือนที่มีอยู่ในบ้านบอลมาเล่นกับลูก แรกๆ ก็พูดสีแล้วหยิบบอลสีนั้นๆ มาใส่มือลูก จากนั้นให้ลูกหยิบเอง ใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์ลูกสามารถหยิบลูกบอลได้ถูกต้องทั้งหมดหกสีหกลูก พอลูกเริ่มพูดได้ก็เปลี่ยนมาเล่นทายสี หยิบบอลขึ้นมาและถามลูกว่า “What colour is that?” ลูกก็ตอบได้อย่างถูกต้อง ตรงนี้ถ้าลูกๆ ของคุณแม่ตอบไม่ถูก ไม่เป็นไรนะคะ พูดแก้ให้เขา อย่างอารมณ์ดีก็พอค่ะ เดี๋ยวเขาทำได้เอง

อันที่จริงผู้เขียนไม่เคยกังวลกับปัญหานี้เลย จนกระทั่งอีกประมาณ 2 เดือนลูกจะเข้าโรงเรียน ตอนนั้นลูกไม่พูดไทย ผู้เขียนจึงเป็นกังวลว่าลูกอาจจะพูดไทยไม่ได้  สุดท้ายจึงตัดสินใจพูด 2 รอบ คือไม่ว่าจะพูดอะไร ผู้เขียนจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ 1 รอบและภาษาไทย 1 รอบเสมอ

ผู้เขียนพูดถึงความกังวลนี้ให้สามีฟัง สามีลองเรียกลูกมาและบอกให้ลูกช่วยไปหยิบขวดน้ำให้หน่อย โดยใช้ภาษาไทย ลูกก็ทำได้อย่างถูกต้อง ผู้เขียนจึงเข้าใจในตอนนั้นเองว่า ถึงแม้จะไม่มีใครพูดไทยกับลูก แต่พ่อแม่พูดไทยกันเอง เด็กเขาก็ฟัง เก็บสะสม และเข้าใจได้เอง เรื่องความเข้าใจในภาษาไทยจึงไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ลูกไม่ยอมพูดไทยนี่ซิ

จำได้ว่าวันแรกที่ไปโรงเรียน ผู้เขียนพยายามบอกลูกว่า “ที่โรงเรียนเขาไม่พูดอังกฤษกันนะคะ เขาพูดไทย ถ้าลูกจะบอกอะไรใครก็ต้องพูดเป็นภาษาไทย เข้าใจไหมคะ”

ส่วนลูกก็ตอบออกมาแค่ “Ok. I got that.”

พอไปถึงโรงเรียน ผู้เขียนก็บอกความกังวลให้ครูทราบ และสิ่งที่ครูตอบกลับมาก็คือ “เดี๋ยวก็พูดค่ะ คุณแม่ ใจเย็นๆ เขาอยู่กับเพื่อนๆ เพื่อนเขาพูดไทย ยังไงๆ เขาก็พูดไทย”

เนื่องจากโรงเรียนที่ผู้เขียนให้ลูกเรียน เป็นโรงเรียนสองภาษา แม้เด็กส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย แต่ในห้องเดียวกับลูกผู้เขียนก็ยังมีเด็กอีก 2 คนที่พูดไทยไม่ได้ คนแรกขอเรียกว่าน้องที น้องทีมีคุณพ่อและคุณแม่เป็นคนฟิลิปปินส์ น้องทีพูดไทยไม่ได้ พูดได้แต่อังกฤษกับตากาล็อก ส่วนอีกคนขอเรียกว่าน้องเอ็น น้องเอ็นยิ่งน่าสงสารใหญ่ เพราะพูดไม่ได้ทั้งไทยและอังกฤษ คุณพ่อของน้องเอ็นเป็นคนเบลเยี่ยม คุณแม่เป็นคนไทยแต่ไม่เคยพูดไทย น้องเอ็นจึงพูดได้แต่ภาษาฝรั่งเศสและเยอรมัน เห็นน้องสองคนนี้แล้ว ผู้เขียนรู้สึกว่าลูกตัวเองไม่แปลกแยก และเบาใจลงมาก

แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ในวันแรกที่กลับจากโรงเรียน ผู้เขียนขับรถไปรับลูกเอง พอลูกขึ้นรถได้ก็พูดไทยจ้อเลยค่ะ กลับถึงบ้านทั้งตาทั้งยายงงกันเป็นไก่ตาแตก ขนาดเพื่อนของผู้เขียนมาเที่ยวบ้าน ยังงงเลยที่ลูกพูดไทยได้รวดเร็วมากๆ

สำหรับน้องที พออยู่มาครึ่งเทอม ผู้เขียนถามน้องทีว่าพูดไทยได้หรือยัง ก็ปรากฎว่าน้องทีพูดไทยได้คล่องปรื๋อ แต่น้องเอ็นใช้เวลานานหน่อย ใกล้ๆ ปิดเทอมใหญ่จะเลื่อนชั้น ผู้เขียนถึงได้เห็นว่าน้องเอ็นพูดไทย

สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะบอกคุณแม่ทุกคนก็คือ ริจะสอนอังกฤษลูก อย่ากลัวค่ะว่าลูกจะพูดไทยไม่ได้ อยู่เมืองไทย มีเพื่อนคนไทย ยังไงก็พูดไทยได้แน่นอน

ที่มาจาก สาลิกา สาลิกา อดีตนักเขียนอิสระที่มาแชร์ประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก