ฝุ่นพิษ PM 2.5 อันตรายที่ส่งผลกระทบต่อ คุณแม่ที่กำลัง ตั้งครรภ์

หน้าแรก/การตั้งครรภ์/ฝุ่นพิษ PM 2.5 อันตรายที่ส่งผลกระทบต่อ คุณแม่ที่กำลัง ตั้งครรภ์
ฝุ่นพิษ PM 2.5 อันตรายที่ส่งผลกระทบต่อ คุณแม่ที่กำลัง ตั้งครรภ์

คุณแม่ที่กำลัง ตั้งครรภ์ คือหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงนอกจาก เด็กเล็ก ผู้ป่วย คนแก่ ที่อาจได้รับอันตรายจาก ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยมีผลวิจัยออกมาว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ได้รับมลภาวะทางอากาศเป็นประจำ อาจทำให้ลูกน้อยเสี่ยงเกิดภาวะทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ พัฒนาการทางสมองช้า รวมถึงอายุขัยสั้นกว่าปกติอีกด้วย

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก BBC ระบุ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ได้อ้างงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ในสหรัฐอเมริการายงานว่า มลพิษทางอากาศทำให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์เสี่ยงแท้งลูกพอๆ กับการสูบบุหรี่ อาจทำให้เกิดภาวะแท้งลูกได้ เพราะผู้ที่ตั้งครรภ์ ปอดและหัวใจจะทำงานหนักมากกว่าคนปกติอยู่แล้ว เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กจะส่งผลกระทบต่อเลือดและหัวใจโดยตรง และมลพิษทางอากาศเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนดและทำให้เด็กแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ

ขณะเดียวกันยังมีผลวิจัยอีกชิ้นหนึ่งระบุว่ามีการพบอนุภาคของมลพิษทางอากาศที่รกในครรภ์ด้วย อย่างไนโตรเจนไดออกไซด์เกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ยังเพิ่มความเสี่ยงของการแท้งลูกเช่นกัน

ทั้งนี้ ผลร้ายดังกล่างส่งผลมาจากสารเคมีอันตรายที่แฝงอยู่ใน PM 2.5 ซึ่งมีทั้ง P-A-Hs , ปรอท , สารหนู และ แคดเมียม ซึ่งเป็นสารพิษและโลหะหนักในระดับเดียวกับที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง จึงเป็นอันตรายต่อคนท้อง และส่งผลต่อการทำลายสมองของทารกในครรภ์ หากคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องสูดอากาศที่มี PM 2.5 เข้าไปจะส่งผลให้ระดับสารพิษในสายสะดือโดยเฉพาะสารตะกั่วมีค่าเท่ากับระดับสารตะกั่วในเลือดของแม่

อย่างไรก็ตาม ขนาดของฝุ่น PM2.5 มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือเล็กกว่าเส้นผมถึง 20+ เท่า สามารถเล็ดลอดขนจมูกเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย ทำให้สารพิษส่งต่อจากเลือดผ่านสายสะดือไปสู่เด็ก รวมถึงการที่คุณแม่หายใจได้ไม่เต็มปอด ยังทำให้ร่างกายนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงลูกในครรภ์ไม่เพียงพออีกด้วย โดยหากคุณแม่โชคร้าย เกิดเป็นโรคภัยที่มาจากฝุ่นละออง อันได้แก่ โรคหลอดเลือดในสมอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจขาดเลือด และโรคติดเชื้อเฉียบพลัน อาการผิดปกติทางร่างกายในระยะแรกเริ่มของโรคเหล่านี้ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกในครรภ์แน่นอนอยู่แล้ว กล่าวคือ สารตะกั่วจะเข้าไปทำลายสมอง ระบบประสาท และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเด็กทารก เช่น ตับ ไต หัวใจ ระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้ทารกในครรภ์พิการทางสมอง ตาบอด หูหนวก หยุดยั้งการเจริญเติบโต หรือแท้งได้ในที่สุด

ดังนั้น ทางที่ดีคุณแม่ที่กำลังตั้งต้องไม่ควรออกจากบ้านเด็ดขาดในระยะที่ค่า PM 2.5 เกิดมาตรฐาน โดยถ้ามีความจำเป็นจะต้องออกจริงๆ ให้สวมหน้ากาก N95 ด้วยทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตนเองและลูกในท้อง