เดือนที่ 6 เข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของการ ตั้งครรภ์ เด็กในระยะนี้จะมีความยาว 11-14 นิ้ว หรือเท่ากับหัวดอกกะหล่ำ น้ำหนักตัวประมาณ 600 กรัม หรือ 6 ขีด ทารกจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มดิ้น เตะ ม้วนตัว หกคะเมนตีลังกาไปมาเพื่อฝึกทักษะด้านการเคลื่อนไหว ร่างกายของทารกมีการพัฒนาเซลล์เม็ดเลือดแดงขึ้นมาจำนวนมาก และเริ่มผลิตเม็ดเลือดขาว
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของทารกตั้งแต่ในครรภ์จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการกิน ดื่ม หายใจของเขาในช่วงหลังคลอดด้วย หูชั้นในพัฒนาสมบูรณ์เต็มที่ นอกจากนี้สมองของทารกที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในครรภ์ก็ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ เหล่านี้ด้วยเช่นกัน เซลล์สมอง ที่ทำหน้าที่ในการรับรู้พัฒนาขึ้นจนเริ่มทำงานได้ ส่งผลให้ทารกสามารถจดจำ และเรียนรู้ได้บ้างแล้ว
ในส่วนของปอดเริ่มทำงานได้ แต่หลอดลมของปอดยังทำงานได้ไม่เต็มที่ และเพื่อเตรียมปอดในการทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซ เริ่มมีการสร้างสารลดแรงตึงผิวเพื่อให้ปอดทำงานได้เมื่อทารกในครรภ์คลอดออกมา
สำหรับฝ่ามือฝ่าเท้าของทารกเริ่มพัฒนาให้มีลายมือลายเท้าชัดมากขึ้น ผิวและร่างกายยังดูย่นยับ ไม่เรียบ มีสีแดง ตามร่างกายจะมีปกคลุมด้วยขนอ่อน lanugo hair และไขมัน เปลือกตาเริ่มเปิดออกได้แล้ว ประสาทการรับรู้เรื่องเสียงของทารก มีการพัฒนามากขึ้น ทำให้ทารกเริ่มตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่เกิดจากการพูดคุยของคุณพ่อแม่ ที่คุยกับทารก หรือเสียงต่างๆที่คุณแม่เปิดให้ฟัง ช่วงนี้แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่กระตุ้นพัฒนาการทารกด้วยการเรียกชื่อลูก เปิดเพลง ร้องเพลง หรืออ่านหนังสือให้ทารกฟัง จะช่วยให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีมากขึ้น
ขณะที่ช่วงสัปดาห์ท้ายๆของเดือนนี้ ทารกในครรภ์จะมีลักษณะคล้ายกับเมื่อแรกคลอด เพียงแต่ตัวยังเล็กกว่ามาก ปอด ตับ และระบบภูมิคุ้มกันยังโตไม่เต็มที่ แต่ถ้าต้องคลอดออกมาตอนนี้ทารกก็มีโอกาสรอดชีวิตสูง ซึ่งทารกในครรภ์เริ่มจำเสียงของพ่อแม่ได้ หากพูดคุยกับเขาบ่อยๆ แต่เสียงอาจจะไม่ค่อยชัดเพราะหูยังถูกปกคลุมด้วยไขหุ้มทารกอยู่
ในส่วนของอวัยวะเพศจะพัฒนาขึ้นมาจนสมบูรณ์ ในเพศหญิงจะมีการสร้างรังไข่ขึ้นมา และเพศชายจะพัฒนาลูกอัณฑะขึ้นมาจนชัดเจน และมีการสร้างฮอร์โมนเพศชาย นั่นคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
