ตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 39 ทารกในครรภ์มีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ลำตัวยาวประมาณ 50.7 เซนติเมตร อวัยวะทุกส่วนสมบูรณ์ปอดเเข็งแรง สามารถออกมาหายใจได้เองภายนอกท้องแม่ ร่างกายของทารกยังคงสร้างไขปกคลุมผิวหนังอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายหลังคลอด ซึ่งไขนี้จะค่อยๆ หลุดออกหลังคลอด กล้ามเนื้อแขนและขาของทารกแข็งแรง เล็บมือ เล็กเท้างอกสมบูรณ์แล้ว ลืมตาได้ หายใจดีแล้ว หัวของทารกจะอยู่ในกระดูกเชิงกรานของคุณแม่ การที่ทารกกลับหัวลงมา จะทำให้คุณแม่หายใจสะดวกขึ้นเล็กน้อย
ด้านสารแอนตี้บอดี้ในร่างกายของคุณแม่จะอาจซึมผ่านผนังกั้นรก เข้าสู่ในกระแสเลือด ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรคชั่วคราวให้ลูก และจะหมดไปภายใน 6 เดือน โดยเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกเองเจริญเต็มที่แล้ว
ทั้งนี้ ตามปกติทารกจะอยูในท่าเอาศีรษะลงแล้ว เพราะพื้นที่เริ่มจำกัดแขนขาลูกแนบชิดศีรษะและลำตัวและศีรษะลูกชิดคอมดลูกของคุณแรงกดนี้ ทำให้คอมดลูกบางลงและเปิดช่องคลอด แต่ทารกบางรายที่ไม่ยอมกลับหัว อาจต้องทำการผ่าตัดคลอด
ในส่วนของสภาพร่างกายคุณแม่จะยิ่งอุ้ยอ้าย อึดอัด มากขึ้น จนมีปัญหาหลับยากจากท้องที่มีขนาดใหญ่ แนะนำพยายามเข้านอนให้ตรงเวลาและเผื่อเวลาให้เยอะสำหรับการผ่อนคลายตัวเองก่อนนอน ถ้ามีความรู้สึกอ่อนเพลียจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ แนะนำให้หาเวลางีบหลับระหว่างวันก็ช่วยได้เป็นอย่างดี แต่การนอนกลางวันมีผลเสียให้คุณแม่นอนน้อยในตอนกลางคืน แต่ก็ถือว่าช่วยให้คุณแม่ปรับตัวกับกิจวัตรการนอนกลางวันพร้อมกับลูกน้อยได้ดีขึ้น
ช่วงนี้คุณหมอจะให้คำแนะนำกับคุณแม่ถึงอาการเจ็บท้องคลอดในระยะแรก โดยจะมีการหดรัดตัวของมดลูกแรงขึ้น เป็นช่วงๆแล้วก็หายไป หากรู้สึกถึงการหดรัดตัวอย่างต่อเนื่องนั่นคือสัญญาณว่าคุณแม่กำลังจะคลอดแล้ว โดยเมื่อเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง ถุงน้ำคร่ำแตก และมีของเหลวไหลออกมาพร้อมกับเลือด คุณควรรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน
สำหรับคุณแม่ต้องเฝ้าติดตามสัญญาณของการคลอด แต่ไม่จำเป็นต้องจ้องติดตามหรือสังเกตตนเองตลอดเวลามากเกินไป มันอาจจะเป็นสัปดาห์นี้หรืออาจจะเป็นสัปดาห์ถัดไปก็ได้ คุณแม่ควรทำจิตใจให้สบาย คิดถึงลูกน้อยที่จะคลอดออกมา อาการเจ็บท้องคลอดจะเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อลูกคลอดออกมาแล้ว โดยเพื่อให้ระบบประสาทของคุณแม่ผ่อนคลายขึ้น แนะนำให้ทาน วิตามินบี 1 โดยอาจจะขอ วิตามินบี 1 จากคุณหมอมาทาน หรือทานอาหาร อาทิ กลุ่มธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ด ลูกเดือย ไข่แดง ตับ โยเกิร์ต มันฝรั่ง มะเขือเทศ นม และถั่วต่างๆ
