สัปดาห์ที่ 25 ของการ ตั้งครรภ์ ลูกมีลำตัวยาวประมาณ 34 เซนติเมตร และหนักประมาณ 620 กรัม โดยร่างกายทารกเริ่มมีการสะสมไขมันทำให้มีลักษณะเหี่ยวย่นลดลง สามารถจดจำเสียงของคุณพ่อได้แล้วด้วย คุณอาจเปิดเพลงเบาๆ ให้ลูกน้อยฟัง เนื่องจากสมองของลูกพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งพยายามเชื่อมโยงกับสิ่งรอบตัว หมายความว่าลูกน้อยของคุณแม่เริ่มจดจำสิ่งต่างๆ ได้ตั้งแต่ขณะที่อยู่ในครรภ์
ทั้งนี้ ผิวขอลูกจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู เพราะมีการสร้างหลอดเลือดขนาดเล็กที่เรียกว่าเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังทั่วตัว โดยร่างกายของลูกกำลังผลิตสารลดการตึงของปอด เพื่อป้องกันอาการปอดแฟบและปอดแตกในทารกแรกเกิด หัวใจของทารกจะเต้นประมาณ 140 ครั้งต่อนาที ด้านสมองก็ทำงานเต็มที่ในการควบคุมกิจกรรม และกระบวนการต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะการฝึกการหายใจอย่างเต็มที่ จนคุณแม่รู้สึกได้เป็นระยะว่าลูกกำลังสะอึก
สำหรับคุณแม่ อาจมีปัญหาอาการท้องอืด รู้สึกว่ากินข้าวได้นิดเดียวก็อิ่ม หรือรู้สึกว่ามีลมในกระเพาะอาหารจำนวนมาก เนื่องจากมดลูกดันกระเพาะอาหารนั่นเอง ถ้าคุณแม่รู้สึกแน่นท้องมากๆ ควรแบ่งทานอาหารเป็นมื้อย่อยๆ แล้วเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงซ้ายแทน รวมถึงอาจมีอาการจุกเสียดท้องเนื่องจากขนาดมดลูกที่มีขนาดโตขึ้นดันกระเพาะ ให้รับประทานอาหารครั้งละน้อย
ด้านเรื่องน้ำหนักตัว คุณแม่ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์เหมาะสมก่อนตั้งครรภ์ ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 11 – 16 กิโลกรัมในช่วง 9 เดือนนี้ และหากคุณแม่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มากเกินไป ควรจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 7 – 11 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีความเปลี่ยนแปลงอย่าง ขนกับผมจะดกขึ้น ซึ่งขนเหล่านี้จะล่วงหลังจากคลอดลูกแล้ว และช่วงนี้ต้องพักผ่อนเต็มที่ อย่าออกแรงเยอะจนตัวเองเหนื่อย
ในส่วนของจิตใจ คุณแม่ต้องผ่อนคลาย อย่ามีความเครียด ต้องใจเย็นๆ คนรอบตัว กับ คนในครอบครัวควรช่วบให้กำลังใจปลอบโยนเพื่อรองรับความแปรปรวนทางอารมณ์ของว่าที่คุณแม่ขณะตั้งครรภ์ แนะนำให้ลองเข้าชั้นเรียนเตรียมคลอดต่างๆ หรือ ให้คุณพ่อหาเวลาพาคุณแม่ไปตรวจครรภ์ มีส่วนร่วมในการอัลตราซาวน์ เห็นพัฒนาการลูกร่วมกัน สร้างความผูกพัน และให้กำลังใจคุณแม่
อย่างไรก็ตาม เรื่องการดูแลตัวเอง คุณแม่ต้องพยายามรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ครบทั้งห้าหมู่ ไม่ควรอย่าให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไประหว่างการตั้งครรภ์ โดยหากมีน้ำหนักตัวที่มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ท้องโตจากแก๊สและกรดในกระเพาะ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
นอกจากนั้น ในช่วงนี้แพทย์จะนัดเจาะเลือดเพื่อตรวจโรคเบาหวานในระหว่างการตั้งครรภ์ โรคโลหิตจาง วัดความดันโลหิต การตรวจปัสสาวะเพื่อหาโปรตีน และภาวะครรภ์เป็นพิษ
