สัปดาห์ที่ 23 ของการ ตั้งครรภ์ ตอนนี้ทารกในครรภ์มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม หรือขนาดเทียบเท่ากับผลทุเรียน เส้นเลือดในปอดจะขยายและพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหายใจ ซึ่งทารกจะเริ่มฝึกการหายใจ ซึ่งการหายใจเอาน้ำคร่ำเข้าสู่ปอดที่กำลังพัฒนา ซึ่งเป็นการฝึกการทำงานของกระบังลมเสียมากกว่า ไม่ได้หายใจเพราะต้องการอากาศ เนื่องจากทารกจะได้รับออกซิเจนจากคุณแม่ผ่านทางรกอยู่แล้ว
ด้านระบบการทรงตัวกำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทารกรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของแม่ ดวงตาของทารกพัฒนาอย่างสมบูรณ์ สามารถกำมือคว้าสายสะดือ ศีรษะได้สัดส่วนพอเหมาะกับลำตัว แขนขาพัฒนาเต็มที่ และต่อมไขมันและต่อมเหงื่อที่ผิวหนังจะเริ่มทำงาน
ในส่วนของคุณแม่ เมื่อท้องโตมากขึ้น รวมถึงน้ำหนักตัวมากขึ้น อาจทำให้ศูนย์ถ่วงของร่างกายคุณแม่หนักมาทางด้านหน้ามากขึ้น คุณแม่ต้องแอ่นหลังต้านน้ำหนักมากขึ้น กล้ามเนื้อหลังทำงานหนักมากขึ้น กล้ามเนื้อหลังต้องออกแรงดึงกลับถึง 5 เท่าของน้ำหนักของมดลูก ทำให้ปวดหลังได้ง่าย คุณแม่ควรใช้กล้ามเนื้อหลังน้อยที่สุด ยืนตัวตรง หลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อหลัง ไม่ก้มขึ้นลงโดยใช้กล้ามเนื้อหลัง แต่ให้ใช้วิธีย่อเข่าลงแทนยืนตัวตรง เดินตัวตรง
สำหรับช่วงนี้ หากคุณแม่มีอาการปวดหลังมากๆแนะนำให้นอนลง และรับการนวดและการประคบด้วยความร้อนที่บริเวณที่ปวดจะสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ ขณะเดียวกัน จากการที่ผิวหนังของคุณยืดออก อาจทำให้ผิวแห้งและคันได้ ดังนั้นการทาโลชั่นหรือครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ คุณแม่มีความแข็งแรงพอที่จะสามารถเริ่มบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเพื่อเตรียมพร้อมกับการคลอดได้แล้ว โดยอาจจะลงเรียนโยคะสำหรับสตรีมีครรภ์หรือออกกำลังกายในรูปแบบอื่นเพื่อเพิ่มความสมดุลให้กับตัวเอง
ด้านโภชนาการ คุณแม่ควรเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมในมื้ออาหารแต่ละวัน เพื่อเพิ่มปริมาณแคลเซียมให้กับร่างกาย อาทิ ดื่มนมใส่ซีเรียลในตอนเช้า ทานโยเกิร์ตในช่วงสาย ดื่มนมหนึ่งแก้วหลังอาหารเย็น และโรยหน้าสลัดด้วยชีสสักเล็กน้อย นอกจากนี้อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมอื่นๆได้แก่ ปลาแซลมอนกระป๋อง พืชผักใบเขียวและถั่วอบ
อีกข้อที่คุณแม่ไม่ควรละเลยคือเรื่องของการดูแลสุขภาพช่องปาก เพื่อป้องกันอาการเหงือกอักเสบที่อาจเกิดขึ้นได้ จากปริมาณฮอร์โมนที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ดังนั้น คุณแม่ต้องแปรงฟันให้สะอาด โดยขณะแปรงฟันอาจมีเลือดออกได้ ไม่ต้องตกใจ ให้แปรงฟันต่อไปให้ดี และหากมีปัญหาเรื่อง ฟันผุ ปวดฟัน ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
