สัปดาห์ที่ 18 ของการ ตั้งครรภ์ ทารกจะมีขนาดประมาณ 12 – 14 เซนติเมตร นํ้าหนักตัวประมาณ 190 กรัม ซึ่งคุณแม่จะสามารถรู้สึกถึงการดิ้นของลูกได้อย่างชัดเจน โดยทารกมีพัฒนาการหลายอย่างทั้ง เริ่มกลอกตาไปมาได้แล้วแต่เปลือกตายังปิดสนิทอยู่ , หูขยับขึ้นสู่ตำแหน่งที่ถูกต้อง เริ่มยื่นออกจากศีรษะ , เริ่มมีไขสีขาวขึ้นมาปกป้องผิวหนัง และมีการสะสมขี้เทา โดยเกิดจากการสะสมของเสียจากน้ำคร่ำที่กลืนลงไปซึ่งขี้เทานี้ลูกน้อยจะขับถ่ายออกมาในการอุจจาระครั้งแรกหลังคลอด
ขณะที่ปอดของลูกเริ่มมีการพัฒนาแล้ว สามารถขยับหน้าอกขึ้นลงได้แล้ว เริ่มหายใจเอาน้ำคร่ำเข้าปอด ซึ่งหายใจออกโดยการปล่อยน้ำคร่ำออกมา แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้เองจนกว่าจะคลอด ลูกยังอาศัยการหายใจจากทางรกอยู่ นอกจากนี้ ทารกจะเริ่มตอบสนองต่อเสียงจากภายนอกมากขึ้นเรื่อยๆ สามรถดูดนิ้วหัวแม่มือได้ และมีพัฒนาการด้านนิสัยสำหรับการนอน
ทั้งนี้ คุณแม่บางคนอาจเริ่มรู้สึกจมูกตันหายใจไม่ค่อยออกนั่น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยปริมาณการไหลเวียนของเลือดในร่างกายที่เพิ่มขึ้นจนทำให้จมูกมีเมือกมากขึ้นหรือเกิดอาการที่เรียกว่า ริดสีดวงจมูก ได้ง่ายบางคนอาจเกิดการเพิ่มขึ้นของปริมาณเลือด และการขยายตัวของเส้นเลือดในจมูกจนทำให้หายใจไม่สะดวกควรไปพบคุณหมอ คุณแม่บางคนจะมีอาการเลือดออกหลังแปรงฟัน เพราะเหงือกบวมขึ้นมีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงมากขึ้น ถ้าไม่ได้ตรวจฟันมานาน ควรให้ทันตแพทย์ตรวจเหงือก ขูดหินปูนและรักษาฟันที่เริ่มผุโดยต้องแจ้งว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่
ขณะเดียวกัน บางรายอาจเกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด ได้ในบางครั้ง โดยเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ นั่นเพราะมดลูกที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับลูกในครรภ์ ไปกดทับเส้นเลือดบางส่วน ดังนั้นจะลุก นั่ง เดิน ยืน จึงควรทำอย่างช้าๆ และควรนอนตะแคงเพื่อป้องกันมดลูกกดทับหลอดเลือด และพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวันควรหาโอกาสงีบให้ได้ วันละ 30 นาที
ในส่วนของโภชนาการ ควรทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น อาทิ คะน้า ผักโขม มะละกอ ส้ม ฝรั่ง กล้วย องุ่น เพื่อช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย และลดโอกาสในเกิดอาการริดสีดวงทวาร เพราะมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น ไปกดทับอวัยวะต่าง ๆ เช่น ลำไส้ เป็นต้น ทั้งนี้หากเบื่อผักผลไม้ อาจจะเปลี่ยนเป็นโยเกิร์ตหรือน้ำผลไม้ก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ไม่ทานอาหารรสหวานมากเกินไป
อนึ่ง ในช่วงนี้หากคุณรู้สึกไม่สบายตัว มีอาการเริ่มหายใจลำบาก หายใจได้ไม่ลึก อย่านิ่งนอนใจ ให้รีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยด่วน
