ตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 12 อาหารที่คุณแม่ทานจะกำหนดนิสัยการกินของลูกในอนาคต

หน้าแรก/การตั้งครรภ์/ตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 12 อาหารที่คุณแม่ทานจะกำหนดนิสัยการกินของลูกในอนาคต
ตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 12 อาหารที่คุณแม่ทานจะกำหนดนิสัยการกินของลูกในอนาคต

สัปดาห์ที่ 12 ของการ ตั้งครรภ์ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ช่วงท้ายของเดือนที่ 3 ในการตั้งท้อง ลูกในท้องจะมีขนาดตัวยาวประมาณ 5.3 เซนติเมตร หรือเทียบได้กับไส้กรอกค็อกเทลแท่งสั้นๆ ใบหน้าของทารกในครรภ์เริ่มดูเหมือนมนุษย์มากขึ้น กระดูกในส่วนต่างๆ ก็จะเริ่มมีแคลเซียมมาสะสมมากขึ้น  ทำให้กระดูกมีโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น อวัยวะสำคัญทั้งหมดของทารกในครรภ์สร้างครบสมบูรณ์หมดแล้ว

ช่วงสัปดาห์นี้เองที่ ทารกในท้องจะขยับนิ้วมือ กำมือ แบมือได้เอง เล็บมือ และเล็บเท้าเริ่มพัฒนาขึ้น ไตเริ่มขับของเสียจากกระเพาะปัสสาวะได้แล้ว โดยระบบประสาทเส้นต่างๆ ในสมองก็จะเริ่มเชื่อมโยงหากันมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาจะเริ่มเคลื่อนที่จากด้านข้างไปอยู่ด้านหน้าใกล้เคียงตำแหน่งที่ถูกต้อง หัวใจจะเต้นประมาณ 140-160 ครั้งต่อนาที และเส้นเสียงสมบูรณ์พร้อม แม้ว่าจะยังไม่เปล่งเสียงจนกว่าจะออกมาสู่โลกภายนอกใน 2-3วินาทีแรก

ในส่วนของต่อมรับรสของทารกจะพัฒนาเต็มที่ กล่าวคือ อาหารที่คุณแม่รับประทานจะเป็นตัวกำหนดนิสัยการกินของลูกในอนาคต และหากคุณแม่เลือกที่จะให้นมลูกเองหลังคลอด เด็กก็จะจดจำรสชาติที่อยู่ในน้ำนมของคุณแม่ด้วย

ขณะที่คุณแม่เอง มดลูกของคุณจะเคลื่อนออกจากอุ้งเชิงกราน มาอยู่เหนือกระดูกหัวหน่าว โดยยอดมดลูกโตขึ้นอีก ทำให้คุณแม่ดูอวบขึ้น จนอาจรู้สึกอึดอัด เพราะเคลื่อนไหวร่างกายได้ช้ากว่าปกติ ซึ่งถ้าคุณหมอได้คลำมดลูกคุณแม่จะพบว่ายอดมดลูกของคุณแม่เริ่มโตขึ้นปริ่มอยู่บริเวณหัวหน่าว ทำให้คุณแม่มั่นใจได้ว่ากำลังตั้งครรภ์มีลูกน้อยสมใจแน่นอน แต่ในรายที่อาการแพ้ท้องหมดไป จะมีความรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น และอารมณ์ก็จะเริ่มแปรปรวนน้อยลง เส้นเลือดที่หน้าอก ท้อง ขา เริ่มขยาย

สำหรับปัญหาที่อาจพบในช่วงนี้อยู่ที่ ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน จะทำให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานช้าลง ส่งผลให้ลำไส้ใหญ่ดูดซึมน้ำในปริมาณที่มากขึ้น จนอุจจาระจับตัวเป็นก้อนแข็ง ทำให้คุณแม่เกิดอาการท้องผูก

อนึ่ง แนะนำให้คุณแม่ทานผลไม้และน้ำผลไม้จะช่วยลดอาการท้องผูกได้ รวมถึงต้องดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อทดแทนกับน้ำที่คุณสูญเสียไปเพราะน้ำมีความสำคัญต่อกระบวนการย่อยอาหาร ภายในร่างกาย

นอกจากนี้ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงระหว่างตั้งครรภ์ และจัดหาเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ มาทดแทนกาแฟหรือชาเขียว แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่ต้องงดดื่มกาแฟโดยสิ้นเชิง เพียงพยายามจำกัดการบริโภคคาเฟอีนให้ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์