สัปดาห์ที่ 6 ของการ ตั้งครรภ์ ทารกจะมีรูปร่างเหมือนลูกอ๊อด มีขนาดเท่าลูกกระสุนของปืนอัดลม เริ่มมีการสร้างดวงตาและแขนขาขึ้น โดยหากตรวจด้วยอัลตราซาวด์แพทย์อาจได้ยินเสียงหัวใจของเด็กแล้ว ในช่วงระหว่างวันที่ 17-56 เป็นช่วงเวลาที่ทารกอ่อนแอ เนื่องจากทารกในครรภ์จะมีความไวต่อสิ่งใดๆ ก็ตามที่อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตตามปกติได้มากในช่วงนี้
ในส่วนของทารกอายุครรภ์ 6 สัปดาห์ หรือ 4 สัปดาห์หลังปฏิสนธิ เมื่อมีการปฏิสนธิ ตัวอ่อนจะแบ่งเซลล์ออกเป็น 2 ส่วน เซลล์ส่วนแรกจะไปพัฒนากลายเป็น รก และถุงเยื่อหุ้มเด็กหรือน้ำคล่ำนั่นเอง เซลล์ส่วนนี้จะไปยึดเกาะกับผนังมดลูกอย่างแน่นหนาแล้วจะกลายเป็น รก ไว้โอบอุ้มลูกน้อยในครรภ์ เซลล์ส่วนที่สองของตัวอ่อน จะพัฒนาไปเป็นทารก เซลล์ตัวนี้จะไปแยกอีกเป็น 3 ส่วนเพื่อไปเป็นอวัยวะต่าง ๆ ของทารก
เซลล์ตัวที่ 1 คือเซลล์ชั้นในสุด จะพัฒนาเป็น ปอด ตับ ต่อมไทรอยด์ ตับอ่อน ท่อไตและกระเพาะปัสสาวะ ส่วนใหญ่เซลล์กลุ่มนี้จะพัฒนาเป็นท่อกลวง
เซลล์ตัวที่ 2 คือเซลล์ชั้นกลาง จะพัฒนาเป็นพวกโครงสร้างกระดูก กล้ามเนื้อทั่วไป กล้ามเนื้อหัวใจ อัณฑะหรือรังไข่ ไต ม้าม หลอดเลือด เม็ดเลือดแดงและเซลล์ผิวหนังชั้นในสุด
เซลล์ตัวที่ 3 จะพัฒนาไปเป็น ผิวหนัง ต่อมเหงื่อ หัวนมและเต้านม ขน เล็บ ฟันและเลนส์ตา
เซลล์ทั้งสามจะพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน จนเกิดเป็นอวัยวะที่สมบูรณ์ของร่างกาย ตัวอ่อนในช่วงอายุครรภ์ 6 สัปดาห์นี้จะมีความยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร น้ำหนักไม่ถึง 1 กรัม และมีลักษณะคล้ายกุ้ง สามารถแยกได้แล้วว่าส่วนไหนเป็นหัว ลำตัว และแขนขา
สำหรับคุณแม่อาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นไม่กี่กิโลกรัม หรือหากมีอาการแพ้ท้อง อาเจียน น้ำหนักตัวลดลงก็ได้แต่ก็ถือว่ายังปกติอยู่ รวมทั้งรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับร่างกายของคุณ อาทิ เสื้อผ้าเริ่มคับขึ้นเล็กน้อยที่บริเวณรอบๆ เอว เต้านมขยายขนาดขึ้น แพทย์จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงขนาดของมดลูกของคุณด้วยการตรวจอุ้งเชิงกราน ในช่วงนี้เองที่คุณแม่ต้องเริ่มซื้อชุดคลุมท้อง หรือ ชุดที่เหมาะกับคนท้องเตรียมไว้ได้เลย
ทั้งนี้ คุณแม่จำนวนมากเมื่อเข้าสู่ ตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 6 มักมีอาการคลื่นไส้ทั้งเช้า กลางวัน แต่บางคนก็โชคดีที่ไม่มีอาการนี้เลยจนคลอด พร้อมกันนี้อาจรู้สึกวิงเวียนศีรษะบ่อยๆ อย่างไม่มีสาเหตุ บางครั้งก็รู้สึกหน้ามืดร่วมด้วย และมีอาการปัสสาวะบ่อย เดี๋ยวก็ต้องลุกเข้าห้องน้ำอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งปัสสาวะไปเมื่อกี้นี้ หรือต้องลุกเข้าห้องน้ำทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอน
นอกจาการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และรับประทานวิตามินบำรุงขณะตั้งครรภ์ สิ่งที่ต้องระวังก็คือ การไม่เข้าใกล้คนสูบบุหรี่ พยายามหลีกเหลี่ยงจุดที่มีมลภาวะทางอากาศ ซึ่งหากคุณแม่ดูแลร่างกายไม่ดี อาทิ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือใช้ยาบางตัวที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ จะส่งผลให้เด็กพิการหรือแท้งได้ โดยช่วงนี้หัวใจของลูกน้อยได้พัฒนาเรียบร้อยและเริ่มเต้นแล้ว คุณแม่จึงต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้นกว่าช่วงเดือนแรก
