การ ตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 2 คุณแม่อาจจะเริ่มรู้สึกมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายเรื่องอารมณ์เรื่องการมึนหัวปวดหัวแม้กระทั่งการอ่อนเพลียก็เริ่มแสดงออกมาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการขับถ่ายเรานั้นจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก เนื่องจากการทำงานของร่างกายจะช้าลง เพื่อให้ทารกได้ดูดซึมสารอาหารของคุณแม่ได้อย่างเพียงพอนั่นเอง
นอกจากนี้ คุณแม่จะเริ่มมีอาการมึนหัว หรืออาจจะเป็นอาการง่วงนอนที่บ่อยขึ้นไม่ว่าเอาการที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนอย่าง เช่น รู้สึกอยากอาหารหรือว่าดมกลิ่นแล้วได้กลิ่นที่ชอบกลายเป็นเหม็น และยังมีอาการปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นทั้งในเวลากลางคืน เพราะมดลูกขยายใหญ่ขึ้นจึงไปทับกระเพราะปัสสาวะจึงเป็นที่มาของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ปวดปัสสาวะบ่อยเมื่อมีการตั้งครรภ์
ในส่วนของการดูแลตัวเอง ช่วง ตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 2 ของการ ตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องไม่ทำให้ตัวเองสารอาหาร ซึ่งต้องเปลี่ยนมาเลือกทานอาหารที่มีใยอาหารสูง อย่างเช่นผักผลไม้ และควรดื่มน้ำให้มากๆ ไม่ต่ำกว่าวันละ 8 – 9 แก้วต่อวัน ออกกำลังกายให้แต่พอดีค่ะ แต่ไม่ต้องหนักเกินไปนะคะ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์ได้
ขณะเดียวกันคุณแม่ควรทานกรดโฟลิก หรืออาหารที่มีโฟเลตให้ได้ในปริมาณ 0.4 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อป้องกัน และลดปัญหาความผิดปกติของระบบประสาทของทารกในครรภ์ อาทิ ภาวะไม่มีเนื้อสมอง ภาวะไขสันหลังไม่ปิด รวมถึงต้องลดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนลงด้วย
สำหรับทารกในครรภ์ ตอนนี้ทารกภายในครรภ์กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนาการที่จะระบุว่าจะได้เพศไหน เนื่องจากโครโมโซม ระหว่าง Y และ X ถ้า โครโมโซมเป็น Y คุณแม่จะได้ลูกชายและถ้าหากว่าเป็นโครโมโซม X คุณก็จะได้ลูกสาว โดยในระหว่างผสมพันธุ์ระหว่างอสุจินั้นจะสามารถบ่งบอกได้แล้วว่าคือเพศอะไร แต่ว่าการบ่งบอกว่านี่คือเพศอะไรที่จะสามารถตรวจสอบได้ต้องรอ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นโครโมโซม Y หรือ X ถึงจะสามารถยืนยันและบ่งบอกแก่คุณแม่ได้ว่าลูกคือเพศอะไร และในตอนนี้ทารกภายในครรภ์ที่อยู่ในการพัฒนาการตั้งครรภ์ 2 สัปดาห์จะมีเซลล์เป็นชั้นๆ 3 ชั้น มีเซลล์ทั้งหมด 150 เซลล์เลยทีเดียว
อนึ่ง สัปดาห์ที่ 2 ของการ ตั้งครรภ์ นับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อพอสมควร เรื่องของจิตใจคุณแม่ก็สำคัญ หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณแม่อาจส่งผลกระทบต่อทารกที่อยู่ในครรภ์ ดังนั้นช่วงที่อ่อนไหวด้านอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเครียด การน้อยอกน้อยใจ หรือวิตกกังวลใดๆก็ตามแต่ คุณแม่ควรได้รับการดูแลจากคุณพ่อและครอบครัวอย่างใกล้ชิด เผื่อให้มีความสบายใจ ผ่อนคลาย ส่วนตัวคุณแม่เองอาจใช้ ดนตรี ภาพยนตร์ หนังสือ หรือ ทำงานฝีมือ ช่วยทำให้มีอารมณ์ที่แจ่มใส
