ปริมาณความหวานที่เหมาะสำหรับคนท้อง คนท้องกินหวานได้แค่ไหน มีคำตอบ

หน้าแรก/การตั้งครรภ์/ปริมาณความหวานที่เหมาะสำหรับคนท้อง คนท้องกินหวานได้แค่ไหน มีคำตอบ
ปริมาณความหวานที่เหมาะสำหรับคนท้อง คนท้องกินหวานได้แค่ไหน มีคำตอบ

คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนอาจกังวลมากในเรื่องของการทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีรสหวาน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคหลายอย่าง และส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วย เพราะถึงจะไม่ดีต่อร่างกาย แต่อาหารหวานหรือของหวานก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าปริมาณความหวานที่เหมาะสมของคุณแม่ทำได้แค่ไหน คนท้องกินหวานได้แค่ไหนไม่ทำร้ายสุขภาพ มาหาคำตอบกัน

ปริมาณความหวานที่เหมาะสำหรับคนท้อง

ทั้งนี้คนท้องสามารถทานของหวานบางประเภทได้บ้าง โดยสำนักโภชนาการกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำไว้ว่า การบริโภคน้ำตาลแต่น้อย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ การบริโภคน้ำตาลในแต่ละวันจึงไม่ควรเกิน 6-8 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งองค์การอนามัยโลก กำหนดปริมาณน้ำตาลไม่ควรเกิน 10 % ของปริมาณพลังงานที่ได้รับประจำวัน

สำหรับข้อปฏิบัติของคนท้องกินหวาน ก็คือ การดื่มผลไม้คั้นสดเองหรือน้ำผลไม้กล่องแบบ 100% แทนน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน ลดน้ำตาลที่ใส่ตามความเคยชินลงในอาหารให้น้อย อย่างเคยใส่น้ำตาลหนึ่งช้อนลดลงมาเหลือครึ่งช้อน หรือไม่ใส่เลย รวมถึงรับประทานผักผลไม้ สลัด หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำ นอกจากจะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลที่พอเหมาะแล้ว ยังได้รับสารอาหารที่มีคุณค่า ช่วยให้ระบบขับถ่ายของร่างกายทำงานได้ดีอีกด้วย และในการปรุงอาหารพยายามใช้น้ำตาลทรายแดงแทนน้ำตาลทรายขาว

คนท้องกินหวาน

นอกจากนี้ ยังมีแหล่งความหวานที่เป็นประโยชน์มาแนะนำเพิ่มเติม คือ

  • น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง ในน้ำผึ้งมีทั้งวิตามินบี วิตามินซี และแร่ธาตุต่างๆ ทั้งฟอสฟอรัส เกลือแร่ แคลเซียม รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์

  • ถั่วแดง

ถั่วแดง มีส่วนประกอบของเส้นใยอาหารสูง ช่วยลดคอเรสเตอรอล อุดมด้วยกรดโฟลิกที่ช่วยบำรุงโลหิต ป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์ นอกจากนี้ยังมีสารแอนติออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจด้วย

  • ชีส

ชีส ถือเป็นอาหารจำพวกโปรตีนเหมือนเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางอาหารไม่แพ้นมวัว ชีสให้แคลเซียม โปรตีน ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 2 แต่มีน้ำตาลแล็กโทสในปริมาณที่น้อยกว่านม จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการดื่มนม

  • กล้วย

กล้วย เป็นผลไม้เพิ่มพลังงานแล้ว ยังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และปริมาณเส้นใย รวมทั้งกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยทำให้การขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย

  • มะตูม

มะตูม มีวิตามินเอ วิตามินบี ช่วยขับลม ย่อยอาหาร ทำให้ขับถ่ายดี เจริญอาหาร และยังช่วยบำรุงเลือด แก้บวมน้ำ ท้องร่วง ท้องผูก ควบคุมระบบต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ มะตูมยังช่วยแก้อาการอ่อนเพลียให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ดี

อย่างไรก็ตาม เวลาในการทานอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ ในช่วงตั้งท้องพยายามเลือกช่วงสายของวัน หรือมื้อบ่ายของวัน เป็นเวลาของอาหารว่าง ส่วนมื้อหลักควรเป็นอาหารปกติแต่ลดจำนวนลง และก่อนนอนหากรู้สึกหิวก็ให้เป็นอาหารเบาๆ อย่าง นมสด กับ ขนมปัง สัก 1-2 แผ่น หรือ ผลไม้จานเล็ก

อนึ่งข้อปฎิบัติอีกอย่างที่ต้องทำเมื่อ คนท้องกินหวาน ควรบ้วนปากหรือแปรงฟัน เพื่อทำความสะอาดเศษอาหารที่อาจตกค้างตามร่องฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาฟันผุตามมาในภายหลัง