เมื่อรู้ว่า ตั้งครรภ์ คุณแม่ควรฝากครรภ์แบบไหนดี

หน้าแรก/การตั้งครรภ์/เมื่อรู้ว่า ตั้งครรภ์ คุณแม่ควรฝากครรภ์แบบไหนดี
เมื่อรู้ว่า ตั้งครรภ์ คุณแม่ควรฝากครรภ์แบบไหนดี

เมื่อคุณแม่ทราบว่าตัวเองเริ่ม ตั้งครรภ์ ก็จะเริ่มคำนึงถึงความปลอดภัยของครรภ์และชีวิตลูกน้อยในครรภ์เป็นหลัก คุณแม่บางรายกว่าจะสามารถให้กำเนิดทายาทได้ก็ต้องลองกันมาหลายวิธี แน่นอนว่าขั้นตอนต่อไปคือ การดูและและเอาใจใส่ครรภ์ของตัวเองให้เป็นไปตามธรรมชาติ ป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตลอดอายุครรภ์ให้มีความปลอดภัยมากที่สุด การเลือกวิธีฝากครรภ์ก็จะช่วยให้คุณแม่มีความสบายใจได้อีกระดับ เรามาดูว่าการเลือกฝากครรภ์ในแต่ละแบบมีความแตกต่างกันเช่นไร

ฝากครรภ์แบบธรรมดาและฝากครรภ์แบบพิเศษ?

1.การฝากครรภ์แบบธรรมดา

เป็นทางเลือกสำหรับคุณแม่ที่มีงบประมาณน้อย และมีความจำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับลูกน้อยเมื่อคลอด การเลือกฝากครรภ์แบบธรรมดา สามารถใช้บริการได้ตามโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งจะได้รับสวัสดิการการตรวจต่างๆ ปกติทุกอย่างและเป็นไปตามสวัสดิการที่รัฐมอบแก่คุณแม่ตั้งครรภ์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแต่ผู้ใช้บริการค่อนข้างเยอะ อาจจะทำให้ต้องรอคิวนาน

2.การฝากครรภ์แบบพิเศษ

สำหรับคุณแม่ที่ต้องการการบริการพิเศษในเรื่องของกรณีฉุกเฉินต่างๆ เช่น การเข้าเยี่ยมกรณีคลอด กรณีฉุกเฉินที่คุณแม่มีความเสี่ยงของครรภ์ จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ห้องพิเศษ สามารถติดต่อพบคุณหมอนอกเวลาได้ในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งเหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะต่างๆ แบบฉับพลัน เช่น จังหวะการดิ้นของลูกน้อยผิดปกติ อาการเลือดออก เป็นต้น ก็จะได้มีคุณหมอคอยแสตนด์บายเพื่อให้บริการในลักษณะเจ้าของไข้ การฝากครรภ์ประเภทนี้ก็จะช่วยให้คุณแม่ได้รับบริการที่รวดเร็ว และไม่ต้องรอคิวนาน อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม คุณแม่เองควรพิจารณาความเหมาะสมว่า ควรจะฝากครรภ์แบบไหนดีที่จะช่วยให้มีความปลอดภัยมากที่สุด ตัวคุณแม่เองควรหมั่นดูแลตัวเองตามคำแนะนำของคุณหมอควบคู่ไปกับการเข้าพบหมอประจำตัวตามนัด นอกจากนี้แน่นอนว่า ค่าใช้จ่ายในช่วงหลังคลอดก็จำเป็นต้องวางแผนเช่นกัน ถ้าคุณแม่มั่นใจได้ว่ามีความพร้อมในการใช้บริการฝากครรภ์แบบธรรมดา และสามารถดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กัน ก็สามารถเลือกรูปแบบการฝากท้องแบบนี้ได้ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย เพราะแน่นอนว่า เมื่อลูกน้อยคลอดออกมาจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับเงินก้อนสำหรับดูแลลูกในระยะยาว

ความแตกต่างของค่าใช้จ่าย กรณีคลอดในโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลของรัฐ

ปัจจุบันเราก็จะเห็นความแตกต่างของการบริการของโรงพยาบาลทั้งสองแบบ ซึ่งถ้าเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงคลอดของโรงพยาบาลรัฐประมาณ 20,000-30,000 บาท ครอบคลุมค่าทำคลอดและค่าห้อง ส่วนโรงพยาบาลเอกชนจะอยู่ที่ประมาณ 40,000-70,000 บาท เป็นต้น