เคล็ดลับพิชิตอาการท้องผูกของคุณแม่ ตั้งครรภ์

หน้าแรก/การตั้งครรภ์/เคล็ดลับพิชิตอาการท้องผูกของคุณแม่ ตั้งครรภ์
เคล็ดลับพิชิตอาการท้องผูกของคุณแม่ ตั้งครรภ์

ท้องผูกไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรนักสำหรับคนทั่วๆ ไป แต่กลับเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงของคุณแม่ ตั้งครรภ์ เนื่องจากการออกแแรงเบ่งมากๆ หากเป็นในไตรมาสแรกอาจทำให้ตัวอ่อนที่ยังเกาะกับโพรงมดลูกไม่แข็งแรงนัก หลุดออกมา และเกิดการแท้งได้ หากเป็นในไตมาสที่ 3 ก็อาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้เช่นกัน บทความนี้จึงนำเคล็ดลับมากระซิบบอกคุณแม่ บางช่วงบางตอนอาจทำเอาคุณผู้อ่านที่ไม่มีอาการท้องผูกร้องยี้ แต่ถือเป็นการช่วยชีวิตคุณแม่ที่กำลังเผชิญหน้ากับอาการนี้เลยทีเดียว

ทำไมคุณแม่จึงท้องผูก

ส่วนใหญ่แล้วคุณแม่จะท้องผูกในเดือนที่ 3 เนื่องจากมดลูกขยายไปทับลำไส้ตรง จากนั้นตัวอ่อนจะเจริญเติบโตขึ้นด้านบนและคลายการกดทับลงในเดือนที่ 4-8 เมื่อเข้าเดือนที่ 9 ทารกจะกลับหัวและเคลื่อนลงต่ำมาทับลำไส้ตรงอีกครั้ง ช่วงเดือนที่ 3 และ 9 จึงเป็นช่วงเดือนที่คุณแม่ต้องลำบากเอามากๆ

วิธีป้องกันท้องผูกและถ่ายโดยไม่เบ่ง

คุณแม่ควรรับประทานผัก ผลไม้และอาหารที่มีกากใยสูง ควรงดน้ำตาล แป้งแปรรูป และขนมขบเคี้ยว เพราะจะยิ่งทำให้ท้องผูก คุณแม่ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดตร ควรรับประทานเป็นธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโพด ควินัว และลูกเดือย พร้อมทั้งดื่มน้ำให้ได้ 3 ลิตรต่อวัน

สำหรับการขับถ่าย คุณแม่ไม่ควรเบ่งถ่ายตามปกติ เพราะในการเบ่ง กล้ามเนื้อหูรูดจะหดเกร็งทำให้อุจารระผลุบกลับเข้าไปข้างใน วิธีสังเกตคือ หากขณะเบ่งถ่ายคุณแม่กลั้นหายใจ นั่นเป็นการเบ่งทีผิดวิธี คุณแม่ควรฝึกการหายใจแบบโยคะ คือขณะถ่ายให้นั่งสบายๆ หายใจเข้าให้ท้องป่อง หายใจออกให้ท้องแฟบ วิธีนี้จะช่วยเปิดกล้ามเนื้อหูรูดและอุจาระจะเคลื่อนตามแรงโน้มถ่วงออกมาเอง หากคุณแม่ถ่ายได้ทุกวัน อุจจาระจะไม่รวมตัวกันเป็นก้อนแข็ง จึงห่างไกลจากท้องผูกแน่นอน

หากท้องผูกแล้วทำยังไงดี

ท้องผูกในคุณแม่ตั้งครรภ์วิกฤตว่าท้องผูกในคนปกติ เพราะอุจจาระจะเกาะกันแน่นจนไม่มีที่ให้เคลื่อนตัว เคล็ดลับมี 2 กรณีคือ

กรณีแรก บางส่วนของอุจจาระจุกแน่นที่ทวารหนักแล้ว ให้คุณแม่ใช้ฝักบัวชำระค่อยๆ ฉีดน้ำจนมันเริ่มนิ่มแล้วใช้นิ้วแคะเบาๆ บริเวณขอบทวารสลับกับการฉีดน้ำ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ จนมันหลุดออกมาเอง

กรณีที่สองอุจจาระยังไม่ปิดทวารหนัก คุณแม่สามารถซื้อเครื่องมือทำดีท็อกซ์มาใช้ได้ โดยใช้น้ำสะอาดในการทำดีท็อกซ์ อย่าลืมว่าน้ำเหล่านี้คือน้ำที่ลำไส่ใหญ่สามารถดูดซึมกลับเข้าร่างกายได้ ดังนั้นจึงควรเป็นน้ำสะอาดเท่านั้น หลังจากน้ำเข้าไปในลำไส้ใหญ่แล้ว คุณแม่ต้องรอประมาณ 5-10 นาที เพราะอุจจาระแห้งจะต้องใช้เวลานานกว่าจะอุ้มน้ำจนนิ่ม หากคุณแม่ถ่ายเลยในทันที อุจจาระอาจจะยังแข็งค้างในลำไส้ มีแต่น้ำเท่านั้นที่จะออกมาทาง