ตั้งครรภ์ อยากอารมณ์ดีต้องทำ 5 อย่างนี้

หน้าแรก/การตั้งครรภ์/ตั้งครรภ์ อยากอารมณ์ดีต้องทำ 5 อย่างนี้
ตั้งครรภ์ อยากอารมณ์ดีต้องทำ 5 อย่างนี้

ภาวะอารมณ์ของคุณแม่ ตั้งครรภ์ อาจส่งผลเสียมากมายต่อลูกน้อย เช่น ความเครียด หากคุณแม่เครียดมากๆ อาจทำให้หลอดเลือดหดตัว จนเลือดไปเลี้ยงทารกไม่พอ และทำให้เกิดภาวะแท้งคุกคามได้ นอกจากนี้ความเครียดของคุณแม่ยังกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย หากคุณแม่หงุดหงิดง่ายอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กขี้หงุดหงิดและไม่เคารพตัวเอง ยิ่งถ้าคุณแม่ซึมเศร้า น้องก็มีโอกาสจะเติบโตเป็นเด็กเกรี้ยวกราดได้

สำหรับคุณแม่ที่อยากอารมณ์ดีตลอดการตั้งครรภ์ ลองทำ 5 วิธีง่ายๆ ดังนี้

1.ฟังเพลง มีงานวิจัยระบุว่าคลื่นสมองมีความเปลี่ยนแปลงตามเพลงที่ฟัง โดยเพลงที่ช่วยให้คลื่นสมองอยู่ในภาวะผ่อนคลาย กล่าวคือ ประมาณ 10-15 รอบต่อวินาที คือ เพลงบรรเลงคลาสสิก หากคุณแม่ไม่ชอบเพลงคลาสสิกและไม่ได้อยากอยู่ในภาวะพักผ่อน แค่อยากมีอารมณ์ดี คุณแม่ก็อาจเลือกฟังเพลงประเภทอื่นๆ ได้ โดยคุณแม่ไม่ควรเลือกเพลงที่มีจังหวะเร้าใจมากเกินไป และไม่ควรเปิดเพลงให้มีเสียงดังเพราะอาจทำให้น้องตกใจได้ ในทางตรงกันข้ามคุณแม่ควรเลือกเพลงที่มีทำนองเบาๆ และที่สำคัญ คือ เนื้อร้องจะต้องมีความหมายไปในทางบวกด้วย

2.นั่งสมาธิ โดยปกติแล้วผู้ที่มีคลื่นสมองสูงกว่า 21 รอบต่อวินาที คือผู้ที่กำลังมีความเครียด แต่การทดลองของศ. ดร. เฮอร์เบิร์ท เบนสัน อาจารย์คณะแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี พ.ศ. 1967 พบว่าบุคคลทั่วไปที่ปฏิบัติสมาธิสามารถลดคลื่นสมองลงเหลือ 4-5 รอบต่อวินาทีได้ การนั่งสมาธิจึงเป็นวิธีที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

3.ออกกำลังกาย คุณแม่ตั้งครรภ์ควรออกกำลังกายที่ไม่มีแรงสะเทือน เช่น เล่นโยคะหรือกายบริหารสำหรับคนท้อง การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่หลั่งอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนต้านโรคซึมเศร้า สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ไม่ได้มีอาการรุนแรง การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคซึมเศร้าได้ดีพอๆ กับการใช้ยาเลยทีเดียว

4.คิดบวก การคิดบวกช่วยให้คุณแม่มองโลกแตกต่างออกไป กระบวนการคิดและทัศนคติแบบบวกๆ นี้จะช่วยให้คุณแม่ไม่หงุดหงิดง่าย ปล่อยวางได้ดีขึ้น และมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยในปัจจุบันนี้มีทั้งหนังสือและสื่อออนไลน์มากมายที่ช่วยปรับทัศนคติให้คุณแม่คิดบวกได้

5.พบจิตแพทย์ สำหรับคุณแม่ที่เป็นโรคซึมเศร้ารุนแรงหรือมีความเครียดอย่างรุนแรงจนเกิดแท้งคุกคาม คุณแม่ควรพบจิตแพทย์เพื่อรับยารักษาสมดุลของสารเคมีในสมอง คุณแม่ควรเปิดใจ ไม่ปฏิเสธจิตแพทย์ อย่าคิดว่าผู้ที่พบจิตแพทย์จะต้องเป็นคนบ้าเสมอไป แค่คนที่สมองสร้างฮอร์โมนไม่สมดุลก็สามารถพบจิตแพทย์ได้