7 วิธีบรรเทาอาการแพ้ท้องอย่างได้ผล แพ้หนักแค่ไหนก็บรรเทาได้อยู่หมัด

หน้าแรก/การตั้งครรภ์/7 วิธีบรรเทาอาการแพ้ท้องอย่างได้ผล แพ้หนักแค่ไหนก็บรรเทาได้อยู่หมัด
7 วิธีบรรเทาอาการแพ้ท้องอย่างได้ผล แพ้หนักแค่ไหนก็บรรเทาได้อยู่หมัด

อาการแพ้ท้อง เป็นอาการของคุณแม่ ตั้งครรภ์ ซึ่งเกิดจากการที่ฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) มีการเปลี่ยนแปลง โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะถูกผลิตขึ้นมาจากรกเพื่อกระตุ้นรังไข่ให้สร้างฮอร์โมนชนิดอื่นๆ มาช่วยเสริมสร้างในกระบวนการตั้งครรภ์ในระยะแรกอย่างเพียงพอ และเมื่อฮอร์โมนมีระดับสูงขึ้น ประสาทรับรู้กลิ่นของคุณแม่ก็สูงขึ้นตาม ตลอดจนประสาทในการรับรสก็เปลี่ยนแปลงไป จนเกิดอาการผิดปกติทางร่างกายคือ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หรือเรียกง่ายๆ ว่า “อาการแพ้ท้อง”

โดยมักจะเกิดขึ้นในช่วงอายุครรภ์ 1-3 เดือนแรก จากนั้นอาการก็จะค่อยๆ ทุเลาลง แต่ในบางรายก็อาจจะมีอาการแพ้ท้องไปตลอดจนคลอดเลยก็มี แต่เมื่อมีอาการแพ้ท้องแล้ว คุณแม่ย่อมทรมานไม่น้อย วันนี้เราจึงมีคำแนะนำในการบรรเทาอาการแพ้ท้องมาฝาก ซึ่งคุณแม่สามารถแก้ได้ด้วย 7 วิธีดังนี้

1.ปรับรูปแบบการกินอาหารใหม่

คุณแม่ควรเลือกกินอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้สด โปรตีนจากเนื้อสัตว์และอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง โดยควรกินครั้งละน้อยๆ แต่กินบ่อยครั้ง นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟและอาหารหมักดองทุกชนิด แม้แต่ผลไม้ดองรสเปรี้ยวๆ ก็ควรงดด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้มีแก๊สในกระเพาะอาหารจนพานทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนนั่นเอง

2.กินอาหารเบาๆ ก่อนนอน

ก่อนเข้านอนคุณแม่ควรกินอาหารเบาๆ อ่อนๆ เช่น นมหรือโยเกิร์ต เพราะสารอาหารที่ได้รับเข้าไปจะช่วยลดอาการแพ้ท้องในตอนเช้าหลังจากตื่นนอนลงได้

3.นอนพักหลังจากตื่นนอนอีกสักนิด

หลังจากตื่นนอนแล้ว คุณแม่ไม่ควรรีบลุกพรวดพราดไปทำภารกิจประจำวันเหมือนตอนปกติ แต่แนะนำให้นอนพักต่ออีกสักประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงค่อยๆ ลุกลงจากเตียงไปทำภารกิจต่างๆ ต่อได้ เพราะหากลุกพรวดพราดเลยอาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนหนักกว่าเดิมได้

4.กินขนมกรุบกรอบหลังตื่นนอน

หลังจากตื่นนอนตอนเช้าแล้ว ให้คุณแม่กินขนมแครกเกอร์กรอบๆ บิสกิต คุกกี้หรือขนมปังกรุบกรอบสัก 2-3 ชิ้น ก็จะช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องลงได้

5.กินอาหารเสร็จแล้วไม่ควรนอนทันที

หลังจากคุณแม่กินอาหารเสร็จแล้ว ไม่ควรรีบล้มตัวลงนอนทันที เพราะอาจยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ง่ายยิ่งขึ้น ควรรอเวลาให้อาหารย่อยก่อนสักอย่างน้อย 1 ชั่วโมงจะดีกว่า

6.จิบน้ำขิงอุ่นๆ บ่อยๆ

ในน้ำขิงจะมีสารช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้องและลดกรดหรือขับลมในท้องได้ ที่สำคัญยังช่วยลดอาการแพ้ท้องลงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น จึงควรหมั่นจิบน้ำขิงอุ่นๆ บ่อยๆ ในระหว่างวันจะดีที่สุด

7.ปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการแพ้หนัก

หากคุณแม่มีอาการแพ้ท้องขั้นรุนแรง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ฝากครรภ์อยู่เพื่อให้แพทย์จ่ายยาบรรเทาอาการแพ้ท้องมาให้ทาน ซึ่งตัวยาดังกล่าวจะช่วยลดอาการแพ้ท้องลงได้

จากนี้ก็ไม่ต้องทนทรมานกันต่อไปอีกแล้ว สำหรับอาการแพ้ท้องที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงระยะแรกๆ ของการตั้งครรภ์ หรืออาจจะตลอดการตั้งครรภ์เลย เพราะหากเพียงแก้ไขด้วยวิธีดังกล่าว รับรองว่าอาการแพ้ท้องจะต้องทุเลาลงอย่างแน่นอน