หลายคนอาจส่งสัยว่า คุณแม่ ตั้งครรภ์ ควรมีนํ้าหนักเท่าไหร่จึงจะถือว่าเหมาะสม เพราะคนท้องส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกว่าต้องกินอาหารมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งความคิดนี้ไม่ถูกต้อง เพราะจะทำให้นํ้าหนักคุณแม่ขึ้นมากเกินไป
ทั้งนี้ งคุณแม่ ตั้งครรภ์ ควรมี นํ้าหนัก สัมพันธ์กับส่วนสูงและน้ำหนักตัว ซึ่งตลอด 9 เดือนควรจะหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 กิโลกรัม ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่า นํ้าหนักเท่าไหร่จึงจะได้มาตรฐาน
สำหรับวิธีคำนวณง่ายๆ ให้เอาส่วนสูงของคุณลบด้วยจำนวน 110 ผลลัพธ์ที่ได้คือน้ำหนักที่ควรจะเป็น อาทิ คุณแม่สูง 170 เซนติเมตร ก็ควรจะหนัก60 กิโลกรัม นี่คือน้ำหนักตัวมาตรฐานของผู้หญิงเรายามปกติ จากนั้นนำเอาน้ำหนักมาตรฐานนั้น บวกด้วยน้ำหนักที่ควรจะเพิ่มแต่ละเดือนยามตั้งครรภ์
การเพิ่มนํ้าหนักขณะตั้งครรภ์
การเพิ่มนํ้าหนักขณะตั้งครรภ์ มีหลักเกณฑ์การเพิ่มเหมือนกัน โดยหากปกติคุณมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน ช่วงท้องอาจจะหนักเพิ่มขึ้นได้อีกตั้งแต่ 14-20 กิโลกรัม แต่ถ้าปกติหนักเกินมาตรฐานอยู่แล้ว ก็ต้องระวังน้ำหนักให้เพิ่มขึ้นอยู่ประมาณ 7-12 กิโลกรัม น้ำหนักตัวที่เพิ่มนี้ควรเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ และค่อยเป็นค่อยไปตลอดการตั้งครรภ์ด้วย
ส่วนสูง – 110 = น้ำหนักมาตรฐาน
ผอม ควรมีน้ำหนักตอนตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น 14-20 กิโลกรัม
อ้วน ควรมีน้ำหนักตอนตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น 7-12 กิโลกรัม
มาตรฐาน ควรมีน้ำหนักตอนตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น 10-15 กิโลกรัม
ส่วนในช่วง 3 เดือนแรก น้ำหนักคุณแม่อาจยังไม่เพิ่มขึ้น หรือบางคนอาจลดลง เนื่องจากอาการแพ้ท้อง ทานอะไรก็อาเจียนออกมาหมด ในช่วงนี้คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลว่าน้องจะไม่ได้รับสารอาหารนะคะ เพราะตัวอ่อนจะมีอาหารของเขาอยู่ในถุงไข่แดง ยังไม่ได้ทานอาหารผ่านทางคุณแม่ค่ะ ตลอด 3 เดือนแรกน้ำหนักคุณแม่มักเพิ่มไม่เกิน 3 กิโลกรัม โดยมักจะยังดูไม่ออกว่าคุณแม่กำลังมีน้อง
ขณะที่ในช่วง 4-6 เดือน น้ำหนักของคุณแม่จะค่อยๆ ขึ้นประมาณ 4-5 กิโลกรัม โดยคนอื่นพอจะสังเกตออกแล้วว่าคุณแม่เริ่มอ้วนขึ้น แต่ยังสามารถใส่ชุดปกติได้ ในบางรายหากน้ำหนักขึ้นมากอาจอึดอัดและต้องเปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมท้องแทน
และในช่วง 3 เดือนสุดท้าย น้ำหนักของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 5-6 กิโลกรัมตลอด 3 เดือน
