จริงหรือ! ฟังแล้วดูน่ากลัวมาก ๆ เลย ว่าห้ามเลี้ยงแมวขณะที่คุณแม่ ตั้งครรภ์ อาจทำให้เสี่ยงต่อลูกน้อยพิการได้เลย ที่กล่าวมานี้เป็นความจริงที่อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์เพราะว่าแมวเป็นพาหะในการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย หากคุณแม่ไม่ได้ทันระวังก็อาจมีสิทธิติดเชื้อนี้ได้โดยไม่รู้ตัว
ปรสิต หรือ พยาธิที่มีแมวเป็นพาหะ จะอาศยอยู่ในตัวแมวและปล่อยไข่ออกมากับอุจจาระแมว (โรคขี้แมว หรือ โรคท็อกโซพลาสโมซิส) เจ้าไข่พยาธินี้ก็จะไปปนเปื้อนในถาดอึแมว ถ้ามือเราเผลอไปโดนแล้วไม่ได้ล้างมือ อาจติดปนเปื้อนมากับอาหารที่ทานได้ โดยถ้าในคนปกติจะมีระบบภูมิต้านทานที่ดีก็ไม่ส่งผลอะไรมากนัก แต่สำหรับคนท้อง เจ้าเชื้อนี้จะสามารถผ่านรกเข้าไปทำลายอวัยวะตรงสมองของเด็กในในครรภ์ได้
คุณแม่ที่มีอาการติดเชื้อใน 3 เดือนแรก มีโอกาสที่เชื้อจะเข้าสู่ทารกได้ถึง 45% ทั้งนี้กลับพบว่าทกรกที่ติดเชื้อ 60% ไม่พบอาการผิดปกติ 30% มีอาการรุนแรงเช่นสมองบวมน้ำ จอประสาทตาอักเสบ อีก10% จะเสียชีวิต
โรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณแม่ทุกคน เพราะคุณแม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง จะมีภูมิต้านทานโรคได้ในระดับหนึ่ง สำหรับคุณแม่ที่ต้องระวังคือ คุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ป่วยเป็นโรคมะเร็งในช่วงเคมีบำบัด คุณแม่กลุ่มนี้จะมีภูมิต้านทานต่ำ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย อาการที่คุณแม่เป็นคือจะมีไข้และต้อมน้ำเหลืองบวม อาจจะมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อนี้ หรือที่เรียกว่า ติดโรคทอกโซพลาสโมซิส มีวิธีป้องกันสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ไม่จำเป็นต้องเอาแมวไปทิ้งนะคะ
•หญิงตั้งครรภ์ต้องหลีกเหลี่ยงการอุ้มแมวเด็ดขาด
•ล้างทำความสะอาดบ้านเสมอ
•หากเลี้ยงแมว ควรมีกระบะให้แมวขับถ่ายโดยให้คุณพ่อเป็นคนเปลี่ยนถาดทุกวันล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ หรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์
•เลี้ยงแมวอยู่ในบริเวณบ้านของเรา อย่าปล่อยให้ไปเล่นหรือคลุกคลีกับแมวที่ไม่มีเจ้าของ
•ห้ามแมวเข้าห้องครัวเด็ดขาด
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ มีวิธีป้องกันไม่ให้ติดโรคทอกโซพลาสโมซิสคือ
•ดื่มน้ำสะอาด
•ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ดิบๆ
•ล้างมือทุกครั้งก่อนทานอาหาร
•ล้างผัก ผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน
•ทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยงแมวทุกวัน
หากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์มีการเลี้ยงแมวอยู่แล้ว การเลี้ยงแมวระหว่างตั้งครรภ์ไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด เพียงแต่ขอให้หลีกเหลี่ยงจากแมวให้มากที่สุด ไม่เล่นหรือคลุกคลีกับแมวในช่วงนี้จะปลอดภัยมากกว่า
